movie-free hd ซีรีส์มาร์เวลที่เคยอยู่ใน Netflix

movie-free hd

movie-free hd หนังแล้วก็ซีรีส์แนววัยว้าวุ่น หรือที่เรียกว่า Young-Adult ที่ movie-free hd มีส่วนผสมของแนวสยองขวัญครับผม ภายหลังที่บรรลุความสำเร็จมาหลายระลอก ตั้งแต่ ‘Stranger Things’ เอ่ย หรือปัจจุบันก็น่าจะเป็นน้องวันพุธ ‘Wednesday’ ที่เรียกว่าเข็นขึ้นกระทั่งมีการสร้างภาคต่อเป็นที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งครั้งนี้ Netflix ทดลองถือรสใหม่ๆมานำเสนอบ้าง กับ ‘Lockwood & Co.’ หรือ ‘ล็อควู้ด บริษัทรับล่าผี’ นิยายสยองขวัญ Young-Adult เชื้อชาติอังกฤษหัวข้อนี้ครับผม

ตัวซีรีส์สร้างมาจากบทดัดแปลงแก้ไข

จากหนังสือนิยายวัยรุ่นแนวลึกลับเหนือธรรมชาติชื่อเดียวกัน จากผลงานการเขียนโดย โจนาธาน สยี่ห้อวด์ (Jonathan Stroud) ประกอบไปด้วยหนังสือ 5 เล่มจบ ที่เผยแพร่มาตั้งแต่ปี 2013-2017 กระทั่งบริษัท คอมพลีต ฟิกชัน พิกพบร์ส (Complete Fiction Pictures) ของผู้กำกับดัง เอ็ดการ์ ไรต์ (Edgar Wright) ที่ได้สิทธิ์ทำซีรีส์ลง Netflix

แทน รวมทั้งได้เพื่อนฝูงไรต์อย่าง โจ คอร์นิช (Joe Cornish) ผู้กำกับหนังเอเลียนสายปั่น ‘Attack the Block’ (2011) รวมทั้งนักเขียนบท ‘Ant-Man’ (2015) ภาคแรกมารับหน้าที่ควบคุม เขียนบท รวมทั้งผู้อำนวยการผลิต

movie-free hd

ตัวซีรีส์นี้จะย้อนเล่าไปถึงกรุงลอนดอน อังกฤษในทศวรรษ 1980 movie-free hd

ซึ่งเป็นสมัยที่ผีออกก่อกวนระบาดมากมายสร้างความลำบากให้กับคนสมัยนั้นเหมือนกับยุง ถึงขั้นควรจะมีการเคอร์ฟิว และก็มีการจัดตั้งบริษัทกำจัดผี มีคนแก่รอเทรนเด็กหนุ่มสาวรับหน้าที่ค้นหาแล้วก็กำจัดวิญญาณให้หมดสิ้น และก็มีหน่วยงานราชการชื่อ ดีแพร็ก (DEPRAC) เสมือนเป็นหน่วยงานควบคุมควบคุมการปราบผีอีกครั้ง ซึ่ง ลูซี คาร์ไลล์ (Ruby Stokes) เด็กหญิงผู้มีความรู้ความเข้าใจจับสัมผัสวิญญาณผ่านเสียง

ที่จำต้องพบเหตุไม่คิดขึ้นระหว่างปราบผี ทำให้คุณจะต้องหนีออกมาจากบ้าน จนได้เจอกับบริษัทล็อกวูดแล้วก็เพื่อน (Lockwood & Co.) บริษัทกำจัดผีนอกระบบเล็กที่ดูแลงานโดย แอนโทนี ล็อควูด (Cameron Chapman) ชายหนุ่มปราบผีสุดห่าม แล้วก็ จอร์จ ติดอยู่ขอบ (Ali Hadji-Heshmati) เด็กผู้ชายสุดเนิร์ด อีกทั้ง 3 คนก็เลยจำเป็นต้องด้วยกันดำเนินการปราบผีแล้วก็ไขเงื่อนปัญหาลึกลับ โดยมี ข้าราชการบาร์นส์ (Ivanno Jeremiah) จากหน่วย DEPRAC รอจับตาดูพวกเขาทุกฝีก้าว

อย่างแรกที่นักเขียนยังไม่มั่นใจว่ามันน่าดึงดูดไหมก็คือ

นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัย 80’s ครับ แล้วก็จะว่าไป พล็อตแบบงี้อย่างไรก็อดนึกถึงหนังคลาสสิกอย่าง ‘Ghostbusters’ (1984) มิได้จริงๆนั่นแหละ เพียงความแตกต่างที่กระจ่างแจ้งก็คือ นอกเหนือจากที่จะใช้เพลงประกอบส่วนมากเป็นแถวโพสต์พังก์ที่ได้รับความนิยมในสมัย 80’s แล้ว ก็เกือบจะไม่มีอะไรบ้างในหนังที่ตรงสมัยเลย แลกเปลี่ยนกับการได้กลิ่นอายอังกฤษที่มองแปลกใหม่ มองเชยๆลึกลับๆไปอีกในลัษณะหนึ่ง

แต่ว่าก็แอบรู้สึกยุกยิกเช่นเดียว movie-free hd กันครับผมที่มองเห็นเด็กวัยรุ่นถือกระบี่ไปปราบผี รู้เรื่องล่ะว่าตัวเรื่องอยากได้เซ็ตให้ลอนดอนสมัยนั้นดูดาร์กๆลำบากยากเข็ญหน่อยๆแต่ว่าก็แอบสงสัยว่า ไม่มีอะไรที่ตรงสมัยหน่อยเลยหรอ ขนาดโทรทัศน์ก็ไม่มีมองกัน Gadget ปราบผีก็มีเพียงแค่กระบี่ไว้ตวัดแทงผี ระเบิดเกลือไล่ผี เครื่องวัดอุณหภูมิ ผ้าที่มีไว้สำหรับคลุมเงินกันผีเฮี้ยน บางครั้งบางคราวก็เอามาใช้ต่อสู้กับคนได้อีกแน่ะ ก็แอบสงสัยว่านี่สมัย 80’s หรือยุคกลางป่ะเนี่ย (555)

โอเค หากว่ามันจะเชยแค่ไหน แต่ว่ามันก็มีความร่วมยุคอยู่ครับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2-3 อีพีแรกๆตัวซีรีส์เพียรพยายามจะปูคอนเซ็ปต์ที่ผสมกันระหว่างบริษัทกำจัดผี กับสูตรหนังวัยรุ่นพันล้าน วัยรุ่นตั้งตัว พล็อตเลยออกทรงทำนองว่า ผีมีธรรมดาราวกับยุงนี่แหละ เลยควรมีบริษัทกำจัดผีขึ้นมา แต่ว่าดันมีคนหนุ่มคนสาวพากเพียร Disrupt แวดวงด้วยการเปิดบริษัทคุ้นเคยในบ้านราวกับบริษัทสตาร์ทอัป

แถมเพียรพยายามผู้ทรยศด้วยการพยายามอยู่นอกการควบคุมของคนแก่ที่ไม่ได้การได้ราวทั้งหลาย ก่อนที่จะลากไปสู่เหตุการณ์ปราบผีแบบก๊องกลุ่ม แล้วก็เอาชีวิตรอดทางธุรกิจจวนเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่ ที่เดินเส้นเรื่องไว้บางๆปูเส้นเรื่องไปสู่การเสี่ยงภัยผสมแนวสืบสวน แล้วก็แอ็กชันปราบผีรวมทั้งปราบคน

ซึ่งจริงๆแม้ว่าจะปูเรื่องได้น่าดึงดูด

แม้กระนั้นความน่าดึงดูดใจที่สุดของเรื่องคงจะมีเฉพาะตอนเผชิญภัยปราบผี กับการสอบปากคำสืบสวนนะครับ เนื่องจากว่าตัวเรื่องราวโดยรวมเป็นสูตรสำเร็จมากมายๆทั้งยังการเซ็ตค้างแรกเตอร์ที่เคยชิน (ชายหนุ่มหล่อใจร้อน+สาวน้อยกล้าหาญ+เนิร์ดเก่งข้อมูลขี้รู้สึกน้อยใจ) ไต่สวน โจรกรรม ต่อสู้กับสาเหตุร้าย และก็การวางซึมซับพล็อตระหว่างเรื่องที่แสนจะยุ่บยั่บไปหมด ทั้งยังความลับของสมาชิกแต่ละคน และก็ความลับของการไขคดีต่างๆก็เลยทำให้การวางร่องรอยรวมทั้งความน่าดึงดูดใจของเส้นเรื่องถูกแย่งความพอใจไปหมด

นี่ยังไม่นับเส้นเรื่องเชื้อเชิญมึนงงรวมทั้งเกินไปที่ไม่ทราบใส่มาเพราะอะไร การสรุปเรื่องช่วงท้ายๆซีซันที่มิได้ให้น้ำหนักกับเนื้อหามากเท่าไรนัก จนถึงแปลงเป็นการเฉลยคำตอบเรื่องและก็สาเหตุที่มิได้วางเค้าเงื่อนหรือแรงจูงใจไว้อย่างมีมีน้ำหนักมากพอจนกระทั่งทำให้ทุกๆอย่างดูอย่างกับว่ารีบสรุปรีบจบ และงานวิชวลเอฟเฟกต์ผีที่สามารถพูดได้ว่าหยาบคายสุดๆก๊องกลุ่มเสมือนผีในการ์ตูนเล่มละบาท ที่เชิญให้มองน่าขบขันมากยิ่งกว่าน่าสยดสยองไปเสียอีก

แต่ว่าถึงอย่างงั้นก็เหอะ ด้วยบรรยากาศรวมทั้งเส้นเรื่องที่ลึกลับน่าติดตามพอเหมาะพอควร โปรดักชันที่นับว่าทำเป็นดี การใส่ Jump Scare ที่ไม่เกร่อกระทั่งเกินงาม รวมทั้งการวางความลับของเรื่องราวให้ถูกเฉลยคำตอบออกมาทีละเล็กละน้อย อีกทั้งความลับของเรื่องต่างๆในเรื่องราว รวมทั้งความลับของนักแสดงหลัก แล้วก็งานแอ็กชันฟันดาบจะมองเชยๆเสมือนนักสู้ยุคกลางไปหน่อย แม้กระนั้นก็ยังทำออกมาได้น่าระทึกใจพอเหมาะพอควร มีจุดหักมุมหักศอกให้พอลุ้น (แม้ว่าจะมิได้เชิญชวนว้าวก็เหอะ) รวมทั้งเสน่ห์ของดาราหลัก โดยยิ่งไปกว่านั้นน้อง รูบี สโตกส์ (Ruby Stokes) ที่ซึ่งพูดได้ว่าหามแทบทั้งยังเรื่องก็ว่าได้ ทำให้ตัวซีรีส์ยังเพียงพอจะมีความมองได้แบบเพลิดเพลินๆครับ มิได้ถึงกับห่วยแตกไปเสียรู้เดียว เพียงแต่ว่าความรู้สึกโดยรวมๆของซีรีส์ยังออกมากลางมิได้มีจุดที่รู้สึกว้าวได้เพียงแค่นั้นล่ะ

แม้กระนั้นน่าติดตามสู้กับหนังสยองขวัญหรือซีรีส์สอบสวนสืบสวนเรื่องอื่นได้ไหม นักเขียนก็เห็นว่าไม่ขนาดนั้นครับผม แล้วก็เอาจริงเอาจังๆตัวซีรีส์ทั้งยังซีซันจะดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขเรื่องราวจากหนังสือ 2 เล่มแรกในชุดครับผม โดยอีพี 1-3 จะดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขมาจากเล่มแรก ‘The Screaming Staircase’ (2013) รวมทั้งในอีพี 4-8 จะมาจากเล่มที่ 2 ‘The Whispering Skull’ (2014) เป็นถ้าเกิดนับเป็นเปอร์เซ็นต์ เรื่องราวยังเดินไปได้เพียงแค่ราวๆ 40 เปอร์เซ็นต์เพียงเท่านั้น

เวลาที่ซีรีส์กลับเลือกที่จะเสี่ยงด้วยการทิ้งความลับรวมทั้งปัญหาเอาไว้เล็กน้อย เสมือนว่าจะแทงกั๊กเพื่อคอยให้ติดตามในซีซันถัดไป ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ถูกล่ะครับผม แต่ว่าก็แอบอดห่วงมิได้ว่า เหตุการณ์ของซีรีส์ Netflix ในขณะนี้ที่ราวกับเอาคอพิงเขียง ถ้าหากเปอร์เซ็นต์ผู้ชมน้อย ถึงแม้ว่าจะกระแสดี เรตท้วงติงดี ข้อวิจารณ์ดีมากแค่ไหน ก็บางทีอาจถูกยุบเลิกโปรเจกต์ภาคต่อได้อย่างสะดวกสบาย แล้วก็ราวกับจะใจดำครับผม แต่ว่านักเขียนเองก็เห็นด้วยว่า แอบห่วงชะตาชีวิตของซีรีส์หัวข้อนี้อยู่ไม่น้อยหนเดีย

เรื่องราวของ ‘Plane’ เริ่มเมื่อไฟล์ตบินตอนปีใหม่

ของกัปตันโบความชอบใจ (พบร์ราร์ด บัตเลอร์ Gerard Butler) จำต้องจำนนรับผู้โดยสารวีไอพีอย่าง หฝ่าส์ เอ็งสปาร์ (ไมค์ วัวลเทอร์ Mike Colter) ผู้ต้องขังคดีร้ายแรงที่เอฟบีไอกักคุมขึ้นเครื่องบิน แม้กระนั้นด้วยสภาพภูมิอากาศทรามทำให้โบความชอบใจตกลงใจนำเครื่องบินลงจอดบนเกาะทางตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์โดยไม่รู้เรื่องเลยว่ามันจะเป็นการพาผู้โดยสารของเขาไปสู่ดินแดนกบฏแบ่งดินแดน งานนี้โบความชอบใจจำเป็นต้องจำยอมร่วมมือกับผู้ต้องขังที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังสุดดำมิดหมีเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสารของเขาออกมาจากเกาะแดนนรกนี้ให้ได้

ด้วยหน้าหนังและก็เค้าโครงเรื่องของ ‘Plane’ ทำให้ผมอดระลึกถึงหนังแอ็กชันดังๆสมัย 90s อย่าง ‘Turbulence’ ที่ว่าด้วยมหันตภัยของผู้ต้องขังโรคทางจิตบนเรือบินที่ตกหลุมอากาศ หรือหนังแอ็กชันเกี่ยวกับเรือบินแล้วก็เดนมนุษย์ระดับตำนานอย่าง ‘Con Air’ หรือแม้กระทั้งหนังแนวบุกระห่ำช่วยตัวประกันอย่าง ‘Die Hard’ ที่แม้กระทั้งหนังที่บัตเลอร์โปรดิวซ์เองอย่าง ‘Olympus has Fallen’ ยังถือมาเป็นแรงดลใจผสมกันเป็นค็อกเทลสุดมันอย่างหนังประเด็นนี้

จริงอยู่ว่าถ้าเกิดวัดค่าพลังจากคุณประโยชน์ของงานโปรดักชัน (Production Value)

มันบางครั้งอาจจะยังตกอยู่ในฟากหนังเกรดบีทั้งการที่หนังเลือกที่จะเล่าในเรือบินเพียงน้อย movie-free hd เท่าที่มีความจำเป็นผสมกับเทคนิดบ้านๆอย่างการเขย่ากล้องถ่ายรูปหรือมีฉากที่คนถูกสุญญากาศดึงขึ้นไปชนกับเรือบินให้พอเพียงตื่นเต้น รวมทั้งมีงานซีจีที่มิได้งามตาแตกเสมือนหนังมาร์เวลทุนสูงๆแม้กระนั้นอย่างต่ำมันก็ไม่คดโกงผู้ชมครับ เนื่องจากบทหนังเองก็ดูเหมือนให้ความเอาใจใส่กับพฤติกรรมของดารานำชายและก็ตรรกะสำหรับเพื่อการเอาชีวิตรอดของนักแสดงอย่างมีท่วงที

อาทิเช่นการปูพื้นว่าเพราะเหตุใดนักบินมากมายความสามารถอย่างโบความยินดีถึงเลือกมาดำเนินงานสายการบินโลว์คอสต์แล้วก็ต้นสายปลายเหตุที่ทำให้กัปตันคนนี้บู๊ระห่ำได้ไม่แพ้ผู้แสดงนำชายหนังแอ็กชัน (นอกเหนือจากข้อเท็จจริงว่ามันแสดงโดย พบร์ราร์ด บัตเลอร์ อ่ะนะ) และยังรวมไปถึงการที่ผู้เขียนบทจำเป็นต้องเรียนรู้ระบบของเรือบินมาอย่างยอดเยี่ยมมากมายๆเนื่องจากว่ามันมีซีนที่ปูไปถึงแนวทางการสุดระห่ำในช่วงท้ายเรื่องได้อย่างน่าไว้ใจ

แม้กระนั้นบทหนัง ‘Plane’ ก็ไม่ได้ตั้งใจไปถึงเวทีออสการ์หรอกครับ ตรงกันข้ามเลยด้วยเหตุว่ามันเองก็ทุจริตตรรกะและก็แอบใส่อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวมาพอเหมาะพอควร แม้กระนั้นเมื่อเปรียบเทียบรูปร่างและจากนั้นก็ราวกับเหตุผลที่กัปตันโบความยินดีเอาเครื่องหยุดบนเกาะแดนนรกที่นี้นั่นแหละครับผม เป็นถ้าหากมันมีเหตุผลซะหมดความสนุกสนานร่าเริงของหนังจะเหลืออะไรล่ะครับผม ?

ด้านดาราหนังอาจไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ล่ะนะครับว่าแม้ ทอม อาจารย์ซ (Tom Cruise)

เป็นซูเปอร์สตาร์สายหนังแอ็กชันดราม่าชั้นหนึ่ง การที่บัตเลอร์จะมาขอเป็นพ่อดันหนังแอ็กชันเกรดบีที่มีบทให้ตนเองเด่นบ้างก็ไม่ผิดบาปอะไรเลยครับผม หนำซ้ำยังส่งผลให้ผู้ชมน่าเชื่อถือวางใจในทุกบทตั้งแต่บอดีการ์ดใน ‘Olympus Has Fallen’ มาถึงนักบินสุดระห่ำใน ‘Plane’ พูดได้ว่าเว้นเสียแต่ตอบสนองนี้ดตนเองให้มีงานแสดงนำเรื่อยก็จะต้องเห็นด้วยว่าคนชอบดูหนังสมัย 90s อย่างพวกเราๆก็เรียกร้องหาหนังแอ็กชันอย่างงี้จำนวนมากนะครับ

จะมีเสียดายก็ดาราหนังสมทบนี่แหละนะครับ

ไมค์ วัวลเทอร์ ที่โล่งแจ้งมีต้นเหตุจาก ‘Luke Cage’ ซีรีส์มาร์เวลที่เคยอยู่ใน Netflix กลับได้รับบทอดีตกาลทหารรับจ้างชื่อประเทศฝรั่งเศสแต่ไม่มีข้อมูลและก็ความสลับซับซ้อนอะไรก็แล้วแต่แถมซีนแอ็กชันที่ควรเด่นก็กลับไม่น่าจำนัก หรือแม้กระทั้ง ดาเนียลา พีเนดา (Daniella Pineda) ที่เคยได้รับบทนำสุดดึงดูดใจใน ‘Cowboy Bebop’ ซีรีส์ทาง Netflix พอเพียงมาอยู่ใน ‘Plane’ พวกเรากลับรู้สึกได้ถึงความย่ำแย่ของคุณซะงั้น เสียดายความงดงามเก๋รวมทั้งความสามารถการแสดงที่สวมบทบาทได้เพียงแค่ลูกเรือสาวสวยที่มิได้มีบทน่าจำอะไรเลย

ประเทศเกาหลีในตอนนี้เรียกว่ามิได้มีเพียงแค่ดราม่าหรือซอมบี้แล้วล่ะนะครับ เนื่องจากว่าอย่างที่รู้ว่า เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แวดวงประเทศเกาหลีใต้เริ่มประกาศพลังด้วยการทุ่มทุนสร้างภาพยนตร์ไซไฟได้ออกมาจำพวกที่ฮอลลีวูดยังจะต้องหนาวๆร้อนๆแล้วก็ในปีนี้ Netflix กลับมารันวงการหนังไซไฟอีกรอบกับ ‘JUNG_E’ หรือ ‘จอง_อี’ หนังไซไฟประเทศเกาหลีเรื่องปัจจุบัน โดยได้ ยอนซังโฮ (Yeon Sang-ho) ผู้กำกับที่เคยเลื่องลือสุดๆ

กับหนังซอมบี้ประเทศเกาหลี ‘Train to Busan’ (2016) และก็ ‘Peninsula’ (2020) และก็ซีรีส์ Netflix อย่าง ‘Hellbound’ (2021) มารับหน้าที่เขียนบทแล้วก็ดูแล แล้วก็ได้ดาราอย่าง คังซูยอน (Kang Soo-youn) ดาราที่หายหัวจากแวดวงภาพยนตร์ไปนับสิบปีกลับมาแสดงด้วย และเกิดเรื่องน่าสลดใจที่หนังหัวข้อนี้ได้ผลสำเร็จงานท้ายที่สุด ก่อนที่จะคุณจะเสียชีวิตลงเมื่อพฤษภาคมปี 2022 หลังถ่ายทำสำเร็จไม่นาน

หนังเล่าระยะเวลาศตวรรษที่ 22 โลกกำลังแหลกเหลวจากความเคลื่อนไหวลักษณะภูมิอากาศรวมทั้งสภาพแวดล้อมอันร้ายแรง มนุษย์ก็เลยจำเป็นต้องย้ายถิ่นไปอยู่ในอาณานิคมบนพื้นที่อวกาศระหว่างโลกกับพระจันทร์ที่มีอยู่ 80 ที่ แต่ว่าอาณานิคมเลข 8, 12 และก็ 13 ได้ประกาศตัวเองเป็นสาธารณรัฐเอเดรียน และก็ได้สร้างกองทัพหุ่นยนต์เพื่อจู่โจมโลกแล้วก็อาณานิคมอื่นๆกระทั่งกำเนิดเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างกองกำลังผู้ส่งเสริมของรัฐบาล รวมทั้งสาธารณรัฐเอเดรียน

ยุยงนจองอี (Kim Hyun-joo) ทหารรับจ้างหญิงฝีมือยอดเยี่ยมของกองกำลังผู้ส่งเสริม

ควรเป็นทหารรับจ้างเพื่อหารายได้มารักษา ยุยงนซอฮยอน (Kang Soo-youn) บุตรสาวของคุณที่ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในปอด ในวันที่ซอฮยอนเข้ารับการผ่าตัด จองอีได้ทำภารกิจต่อสู้ แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ

กระทั่งทำให้คุณตกอยู่ในสภาวะรุนแรง หน่วยงานวัวรนอยด์ (Kronoid) สถาบันปรับปรุงทางเทคโนโลยี AI ได้ทำข้อตกลงที่จะก็อปปี้ข้อมูลที่ได้มาจากสมองของจองอีเพื่อนำไปปรับปรุงกองทัพหุ่นยนต์ ส่วนบุตรสาวอย่างซอฮยอน โตขึ้นแปลงเป็นหัวหน้าทีมศึกษาค้นคว้าแผนการนี้ ภายใต้อำนาจบังคับของผู้อำนวยการ Kronoid จอมเวอร์วังยอดเยี่ยมอย่าง ซังฮุน (Ryu Kyung-Soo)

เพียงแค่อ่านเรื่องก็รู้สึกได้ใช่ไหมนะครับว่านี่มันพล็อตหนังไซไฟการศึกอวกาศแบบฮอลลีวูดนี่ทุ่งนา รวมทั้งแน่ๆว่าจะต้องมีความรู้สึกต้องการมองเห็นฉากต่อสู้กันระหว่างคนกับหุ่นยนต์ คนกับ AI หรืออย่างต่ำๆก็เป็นการต่อสู้ระหว่างอุดมการณ์ของคนตัวเล็กๆกับแนวทางทุเรศของหน่วยงานราชการ อะไรทำนองนี้ แล้วก็จะว่าไป หนังมีวัตถุดิบที่ล้ำค่ามากมายๆซึ่งก็คือ Massage ของหนังขอรับ มันไม่ใช่แค่การรบทำสงครามระหว่างคนกับหุ่นยนต์ หรือแนวหุ่นยนต์ครอบครองโลกแบบที่ฮอลลีวูดทำกันมาแล้วล่ะ

แต่ว่ามันล้ำเลยไปเอ๋ยถึงของศีลธรรมและก็มนุษยธรรมของ AI รวมทั้งการหวงข้อมูลส่วนตัว ที่ไม่ใช่แค่ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเพียงแค่นั้นแล้ว แม้กระนั้นมันเป็นข้อมูลในสมองของพวกเราเองต่างหาก ตัวบทถามเอาไว้ได้น่าทึ่งมากมายครับผมว่า หากวันหนึ่งกำเนิดพวกเราตายไป แล้วมีคนจูบลักขโมยเอาข้อมูลที่ได้รับมาจากสมองของพวกเราเอาไปใส่เอาไว้ข้างในหุ่น AI เพื่อหุ่นยนต์เอาอย่างลักษณะการทำงานของพวกเรา ปริศนาเป็น หุ่นยนต์ตัวนั้นจะนับว่าเป็น ‘ตัวเรา’ ด้วยหรือไม่ ?

แล้วพวกเราจะต้องมีความสัมพันธ์ในฐานะที่มีส่วนหนึ่งของพวกเรา (หรือเครือญาติของพวกเรา) ฝังอยู่ในหุ่นยนต์ตัวนั้นไหม ข้อมูลในสมองจำเป็นที่จะต้องได้รับการป้องกันหวงได้มากขนาดไหน กำเนิดวันหนึ่งมีคนเอาข้อมูลสมองของพวกเราไปทำโน่นทำนี่แบบมั่วๆ

movie-free hd

ได้แก่ จู่ๆก็เอาไปใส่ไว้ภายในชิปหม้อหุงข้าว หรือแม้กระทั้งเอาไป movie-free hd ใส่เอาไว้ข้างใน Sex Doll พวกเราจะมีสิทธิ์ป้องกันหวงในฐานะข้อมูลของคนจริงๆได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่หนังปูไว้แข็งแรงมากมายครับ ถ้าเกิดใส่พล็อตดีๆลงไป ก็เปลี่ยนเป็นหนังไซไฟพล็อตล้ำ วิสัยทัศน์เยี่ยมเรื่องหนึ่งของยุคนี้ได้สบายๆเลย

แม้กระนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด 1 ชั่วโมงครึ่งก็คือ หนังมิได้พาพวกเราไปพบการรบหรืออะไรเลยครับผม อุตส่าห์ปูเรื่องมหากาพย์การศึกเล่นใหญ่อยู่ได้ตั้งนาน แต่เททิ้งใจความสำคัญเกี่ยวกับการศึกไปเสียดื้อๆทำให้หนังหัวข้อนี้เป็นหนังไซไฟทุนสร้างกลางที่ปะหน้าด้วยแอ็กชันช่วงต้นกับด้านหลังเรื่อง คนใดกันแน่ความคาดหวังแอ็กชันไซไฟมันๆคงจะผิดหวัง แล้วก็งานวิชวลเอฟเฟกต์ที่จัดว่าทำเป็นน่าพึงพอใจ ดีไซน์ได้ล้ำนำสมัยมากมาย งานหลายจุดเทียบเคียงชั้นฮอลลีวูดได้เลย แม้กระนั้นก็ยังมีบางจุดที่แอบไม่เนียน รูปร่างมองแปลกๆบ้าง ตามสเกลงานสร้างภาพยนตร์สตรีมไม่ง

ก่อนที่จะหนังจะจุดโฟกัสกับการขัดกันในเชิงอุดมการณ์

มนุษยธรรม จรรยาบรรณของหุ่นยนต์ ผ่านพล็อตขยี้เงื่อนดราม่าแม่กับลูกที่วนเวียนอยู่ภายในห้องทดสอบ หุ่นยนต์ AI เดิมๆซะมากยิ่งกว่า ซึ่งหนังก็ไม่อาจจะจับใจความสำคัญมาเล่าได้อย่างมีน้ำหนักมากพอ ราวกับปูเรื่องไว้บางๆและก็ไปขยี้เจ็บตับเอาส่วนท้ายเลย

จนถึงทำให้โดยรวมๆเกือบจะไม่มีอะไรที่อยู่ในหนังที่ไปสุด แล้วก็จับใจความสำคัญมาเกิดเรื่องให้รู้สึกตื่นเต้น ระทึก เชิญขบคิด และก็ประทับใจได้เลย อีกทั้งแอ็กชัน ไซไฟ หรือแม้กระทั้งงานถนัดประเทศเกาหลีอย่างดราม่า ก็ทำเป็นแค่เพียงเพียงแค่เกือบจะซึ้งๆเพียงแค่นั้น

อีกจุดที่นับว่าทำลายหนังลงไปอีกก็คือการแสดงของบางนักแสดงที่ล้นจนถึงพูดได้ว่าไม่น่าสนใจครับผม ยังไม่แน่ใจว่าในบทปรารถนาปูเรื่องให้นักแสดงตัวนี้มีความเฮฮาคละเคล้าโรคทางจิตหรืออะไรกันแน่ และก็คนเขียนทายใจว่า ส่วนหนึ่งส่วนใดอาจเป็นเนื่องจากบทนี่แหละที่ทำให้นักแสดงตัวนี้ นอกเหนือจากการที่จะมองเฮฮาแม้กระนั้นไม่ตลก ยังมองล้นจนถึงมองน่าเบื่อหน่ายไปหมด

แถมยังมีความโรคทางจิตแบบขาดเหตุผลอีกด้วย เพียงพอรวมกันทำให้  dewapokerpulsa นักแสดงตัวนี้แปลงเป็นผู้แสดงบ้าๆที่หลุดจากธีมหนังมากยิ่งกว่าจะมองน่าสะพรึงกลัว ส่วนการแสดงของคุณคังซูยอน ดารารุ่นใหญ่ผู้เสียชีวิต ก็จะต้องนับว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ถึงแม้บทจะไม่ค่อยได้ช่วยส่งให้คุณเด่นจนกระทั่งถึงที่สุดก็ตาม

อากาวะ ไดยก นายตำรวจใจร้อนที่พาครอบครัวย้ายมาดำเนินการที่หมู่บ้านเล็กๆห่างไกลความเจริญที่ดูเหมือนจะมีน้ำจิตความมีน้ำใจแบบคนชนบท แต่มีวัฒนธรรมความเชื่อถือสุดหลอนที่เชื้อเชิญสงสัยว่าหมู่บ้านนี้มีการกินคน ซึ่งบางทีอาจเกี่ยวกับการล่องหนไปของนายตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้าอากาวะด้วย

‘Gannibal’เป็นซีรีส์ประเทศญี่ปุ่นที่ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงจากมังงะแนวดราม่าเขย่าขวัญผสมคัลพบร์ช็อกในชื่อเดียวกัน ผลงานของ นิโนไม่ยะ มาซาอากิ ที่ลงพิมพ์ในวารสารรายสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2018 – 2021 มีฉบับรวมเล่มสูงถึง 13 เล่มสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้สูงยิ่งกว่า 2 ล้านเล่มทีเดียว

จำเป็นต้องบอกคอนเทนต์ฝั่งทวีปเอเชียในแพลตฟอร์มของ Disney+ บางครั้งอาจจะยังไม่ใช่ตัวยกตัวเด่นในรูปภาพรวมของอีกทั้งบริการเมื่อเทียบกับพวกหนังซีรีส์มาร์เวล แม้กระนั้นก็สร้างความน่าสนมากยิ่งขึ้นมาเรื่อยโดยยิ่งไปกว่านั้นซีรีส์ประเทศเกาหลีแล้วก็แอนิเมะประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งที่กำลังตีตื้นมีเยอะขึ้นเรื่อยๆก็คือคอนเทนต์ของไทยแล้วก็ซีรีส์ประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งอันข้างหลังนี้ก็บางทีอาจบอกว่าเริ่มได้ไม่ค่อยงามนักเนื่องจากว่า ‘The Files of Young Kindaichi’ (2022) ที่ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขจากมังงะแนวสอบสวนมีชื่อเสียงก็ยังไม่ค่อยผ่านทั้งยังมาตรฐานประสิทธิภาพแล้วก็การเอ๋ยถึงทั้งๆที่ฐานแฟนมังงะออกจะมากมาย การมาของ ‘Gannibal’ ก็เลยเป็นอะไรที่ช่วยในการเปลี่ยนความรู้สึกต่อซีรีส์ประเทศญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว

‘Gannibal’ บางทีอาจไม่ใช่การปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงที่ประดิษฐ์ใหม่กระทั่งผิดตา เนื่องจากคนใดกันที่ผ่านตาต้นฉบับมาก็อาจจะเพียงพอรู้ว่าตัวซีรีส์เกือบจะมีการเดินเหตุแบบช่องต่อช่องกับมังงะอย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นก็เป็นการนับถือต้นฉบับในทางที่ดีเพราะว่าสิ่งที่ผู้กำกับ คาตายามะ คุ้นชินโซ และก็มือเขียนบท โอเอะ ทาค้างมาสะ ปรุงลงไปโน่นเป็นการเพิ่มความเหมือนจริงรวมทั้งมาตรฐานแบบสากลกระทั่งซีรีส์นี้เด่นขึ้นมา

เหตุผลที่ซีรีส์ชุดนี้เข้าถึงง่ายดายกว่าซีรีส์ประเทศญี่ปุ่นอื่นบางทีอาจเพราะเหตุว่าผู้กำกับคาตายามะเคยชินกับรสโหดเหี้ยมเข้มข้นและก็การแสดงที่เดือดขมักเขม้นแบบประเทศเกาหลีที่เป็นรสสากลกว่า จากในช่วงเวลาที่เขาได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับคนประเทศญี่ปุ่นเพียงผู้เดียวของผู้กำกับสุดยอดอย่าง บองจุนโฮ ในเรื่อง ‘Mother’ (2009) และก็เป็นผู้ช่วยผู้กำกับในซีรีส์เน็ตฟลิกซ์

ที่ขายต่างประเทศอย่าง ‘The Naked Director’ (2019) มาก่อน ในเวลาเดียวกันโอเอะเองก็มีดีกรีถึงมือเขียนบทผู้ครอบครองรางวัลบทเยี่ยมที่สุดจากเมืองคานส์ และก็เข้าชิงในสาขาเดียวกันบนเวทีออสการ์จากผลงานเรื่อง ‘Drive My Car’ (2021) มาแล้วด้วยเหมือนกัน ทำให้พวกเขาหลุดกรอบจากรสแบบประเทศญี่ปุ่นนิยมมาสู่รสแบบสากลได้อย่างน่าดึงดูด

การผลิตบรรยากาศด้วยงานโปรดักชันที่มาตรฐานสูงอีกทั้งการออกแบบศิลปและก็การถ่ายรูปช่วยให้เรื่องมองน่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น หมู่บ้านเคงะมูระถูกทำขึ้นกึ่งกลางป่าต้นไม้หนาแน่นเชิญชวนน่าสงสัย แถมยังเป็นเกาะปิดตายบนแผ่นดินที่ล้อมด้วยเหวมีเพียงแต่สะพานเส้นเดียวที่เชื่อมไปสู่โลกด้านนอก ก็ทำให้ได้กลิ่นนิยายสยองขวัญคลาสสิกที่มักแอบซ่อนเปรตเอาไว้ ซึ่งในประเด็นนี้ก็คือชายแก่ไม่รู้จักผมเร่ร่อนสวมชุดแบบคนโบราณ ด้วยรูปร่างสูงใหญ่เกินมนุษย์มีลักษณะอาการราวกับผู้สูงวัยหลงๆลืมๆแต่ว่ากระด้างและก็ดวงตาที่ขาวจนถึงไม่มีตาดำก็เชิญชวนให้ระลึกถึงซอมบี้ยักษ์ไม่น้อย

7 ตอน ตอนละโดยประมาณ 45 นาที เรื่องย่อ อากาวะ ไดยก นายตำรวจโมโหง่ายที่พาครอบครัวย้ายมาปฏิบัติงานที่หมู่บ้าน movie-free hd เล็กๆห่างไกลความเจริญที่ดูเหมือนจะมีน้ำจิตความเอื้อเฟื้อแบบคนชนบท กลับมีวัฒนธรรมความเชื่อถือสุดหลอนที่เชิญสงสัยว่าหมู่บ้านนี้มีการกินมนุษย์ ซึ่งบางทีอาจเกี่ยวพันกับการล่องหนไปของนายตำรวจที่มาทำงานก่อนหน้าอากาวะด้วย

‘Gannibal’เป็นซีรีส์ประเทศญี่ปุ่นที่ปรับปรุงแก้ไขดัดแปลงจากมังงะแนวดราม่าเขย่าขวัญผสมคัลพบร์ช็อกในชื่อเดียวกัน ผลงานของ นิโนไม่ยะ มาซาอากิ ที่ลงเผยแพร่ในแมกกาซีนรายสัปดาห์ตั้งแต่ปี 2018 – 2021 มีฉบับรวมเล่มสูงถึง 13 เล่มสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้สูงขึ้นยิ่งกว่า 2 ล้านเล่มทีเดียว

จำต้องบอกคอนเทนต์ฝั่งทวีปเอเชียในแพลตฟอร์มของ Disney+

บางครั้งก็อาจจะยังไม่ใช่ตัวยกตัวเด่นในรูปภาพรวมของอีกทั้งบริการเมื่อเทียบกับพวกหนังซีรีส์มาร์เวล แม้กระนั้นก็สร้างความน่าสนมากยิ่งขึ้นมาเรื่อยโดยยิ่งไปกว่านั้นซีรีส์ประเทศเกาหลีแล้วก็แอนิเมะประเทศญี่ปุ่น และก็ที่กำลังตีตื้นมีเพิ่มมากขึ้นก็คือคอนเทนต์ของไทยรวมทั้งซีรีส์ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอันข้างหลังนี้ก็บางทีอาจบอกว่าเริ่มได้ไม่ค่อยงามนักเพราะว่า ‘The Files of Young Kindaichi’ (2022) ที่ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขจากมังงะแนวสอบปากคำโด่งดังก็ยังไม่ค่อยผ่านอีกทั้งมาตรฐานประสิทธิภาพแล้วก็การกล่าวถึงทั้งๆที่ฐานแฟนมังงะค่อนข้างจะมากมาย การมาของ ‘Gannibal’ ก็เลยเป็นอะไรที่ช่วยสำหรับในการเปลี่ยนความรู้สึกต่อซีรีส์ประเทศญี่ปุ่นได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว

‘Gannibal’ บางทีอาจไม่ใช่การดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขที่ประดิษฐ์ใหม่จนถึงประหลาดตา ด้วยเหตุว่าคนไหนที่ผ่านตาต้นฉบับมาก็อาจจะเพียงพอรู้ดีว่าตัวซีรีส์แทบมีการเดินเรื่องแบบช่องต่อช่องกับมังงะอย่างยิ่งจริงๆ แม้กระนั้นก็เป็นการเคารพนับถือต้นฉบับในทางที่ดีเนื่องจากสิ่งที่ผู้กำกับ คาตายามะ คุ้นชินโซ แล้วก็มือเขียนบท โอเอะ ทาติดอยู่มาสะ ปรุงลงไปโน่นเป็นการเพิ่มความเหมือนจริงและก็มาตรฐานแบบสากลกระทั่งซีรีส์นี้สะดุดตาขึ้นมา

เหตุผลที่ซีรีส์ชุดนี้เข้าถึงง่ายดายกว่าซีรีส์ประเทศญี่ปุ่นอื่นบางทีอาจเพราะเหตุว่าผู้กำกับคาตายามะเคยชินกับรสโหดเหี้ยมเข้มข้นแล้วก็การแสดงที่เดือดเอาจริงเอาจังแบบประเทศเกาหลีที่เป็นรสสากลกว่า จากในขณะที่เขาได้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับคนประเทศญี่ปุ่นเพียงผู้เดียวของผู้กำกับสุดยอดอย่าง บองจุนโฮ ในเรื่อง ‘Mother’ (2009) และก็เป็นผู้ช่วยผู้กำกับในซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ที่ขายฝรั่งอย่าง ‘The Naked Director’ (2019) มาก่อน

ในเวลาเดียวกันโอเอะเองก็มีดีกรีถึงมือเขียนบทผู้ครอบครองรางวัลบทเหมาะสมที่สุดจากเมืองคานส์ รวมทั้งเข้าชิงในสาขาเดียวกันบนเวทีออสการ์จากผลงานเรื่อง ‘Drive My Car’ (2021) มาแล้วเช่นเดียวกัน ทำให้พวกเขาหลุดกรอบจากรสแบบประเทศญี่ปุ่นนิยมมาสู่รสแบบสากลได้อย่างน่าดึงดูด

การผลิตบรรยากาศด้วยงานโปรดักชันที่มาตรฐานสูงอีกทั้งการออกแบบศิลปรวมทั้งการถ่ายรูปช่วยปรับเรื่องมองน่าดึงดูดมากยิ่งกว่าเดิม หมู่บ้านเคงะมูระถูกผลิตขึ้นกึ่งกลางป่าต้นไม้หนาแน่นเชื้อเชิญน่าสงสัย แถมยังเป็นเกาะปิดตายบนแผ่นดินที่ล้อมด้วยเหวมีเพียงแค่สะพานเส้นเดียวที่เชื่อมไปสู่โลกข้างนอก ก็ทำให้ได้กลิ่นนิยายสยองขวัญคลาสสิกที่มักแอบซ่อนเปรตเอาไว้ ซึ่งในหัวข้อนี้ก็คือชายแก่ไม่คุ้นเคยผมเร่ร่อนสวมชุดแบบคนโบราณ ด้วยรูปร่างสูงใหญ่เกินมนุษย์มีลักษณะราวกับคนวัยชราลืมแม้กระนั้นหยาบและก็ดวงตาที่ขาวกระทั่งไม่มีตาดำก็ชักชวนให้ระลึกถึงซอมบี้ยักษ์ไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านี้ยังเบาๆแทรกซึมด้วยความหลอนจากความประพฤติของพวกคนภายในหมู่บ้าน ตั้งแต่เชื้อสายใหญ่อย่างโกโตะด้ามจับจองทรัพยากรหลักของหมู่บ้านและก็ตั้งตนราวกับกรุ๊ปยากูซ่าเขตแดน

สถานะการณ์ที่พวกเขาพาผู้แสดงนำชายออกล่าหมีที่ฆ่าคนภายในเชื้อสายโกโตะ แล้วชักชวนดารานำชายรับประทานเนื้อหมีดิบตัวที่กินเนื้อมนุษย์มาเพื่อเลือดเนื้อของพี่น้องของพวกเขาที่ถูกฆาตกรรมได้ยังอยู่ในตัวบุตรหลานถัดไป ก็ทำให้มองเห็นถึงความแตกต่างจากบรรทัดฐานที่พวกเรารู้เรื่องไปอย่างสิ้นเชิง

รอยขีดข่วนเขียนในซอกเสาที่พักตำรวจที่น่าจะเป็นลายมือ movie-free hd ของตำรวจคนก่อนหน้าที่ล่องหนไปซึ่งเขียนว่า “หนีไปซะ” ก็ทำให้ภาพหมู่บ้านแสนสงบสุขมองน่าสงสัยขึ้นมา จนถึงงานศพของผู้ที่ถูกหมีฆ่าแต่ว่าในหีบศพกลับว่างเปล่าไม่มีศพอยู่ก็เบาๆเสริมเสียงลือที่ดารานำชายได้ยินว่าหมู่บ้านนี้มีวัฒนธรรมการกินเนื้อคนอยู่เข้าไปอีก

เมื่อบรรยากาศปูมาเลิศแน่นๆสิ่งที่คาตามายะและก็โอเอะเพิ่มลง

ไปอีกเป็นแปลงท่าทางของผู้แสดงนำชายอย่างนายตำรวจชายหนุ่มให้มองเหมือนจริงขึ้น จากเดิมในมังงะจะเป็นผู้ที่ล่กๆอ่อนแอ แม้กระนั้น อากิระ ยูยะ ที่เคยได้รางวัลผู้แสดงเยี่ยมที่สุดจากคานส์ใน ‘Nobody Knows’ (2004) ก็มาทำให้นักแสดงตำรวจนี้แปลงเป็นพวกใจร้อนที่มีเงื่อนมีความขัดแย้งในสมัยก่อนจากความประพฤติปฏิบัติของเขาทำให้เขาจะต้องทำความเข้าใจการงดเว้นทนอดทนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แน่ๆว่าการอยู่ในหมู่บ้านที่มองอันตรายต่อครอบครัวของเขา ก็เป็นบททดลองที่น่าดึงดูดให้เอาใจช่วยชดเชยท่าทางอ่อนแอของผู้แสดงในฉบับมังงะ

ซีรีส์ก็เลยมองมีมิติที่ลึกมากมายและก็ดารานำชายก็มองเป็นคนจริงๆที่ไม่ใช่ไม่ศึกษารวมทั้งประพฤติทึ่มๆในหนังแนวสยองขวัญทั่วๆไป แต่ว่าเขาจะราวกับข้าราชการไม่ลส์ใน ‘Se7en’ (1995) ที่เคยรับวิบากกรรมจากความอารมณ์ร้อนของตนมาแล้ว รวมทั้งกำลังถูกความทารุณไร้มนุษยธรรมท้าให้ขุ่นเคืองกระทั่งไม่มีสติตลอดระยะเวลา ซึ่งคนใดกันแน่ที่มองเงื่อนในอดีตกาลของผู้แสดงนำในช่วงเวลาที่ 3 และก็อาจจะสารภาพว่าซีรีส์สร้างเงื่อนไขที่พวกเราอินไปกับตัวนำได้ง่ายด้วยเหตุว่ามันมองเหมือนจริงและก็เป็นช่องทางแบบคนจริงๆจะทำ ซึ่งแปลงเป็นลักษณะเด่นของซีรีส์นี้ไปเลย